รู้จัก ‘โรคหัวใจสลาย’ อกหักก็ตายได้ อาการคล้ายหัวใจวาย ชี้ผญ.เสี่ยงกว่าถึง 9 เท่า

อกหักไม่ถึงตาย ใช้ไม่ได้อีกต่อไป รู้จัก ‘โรคหัวใจสลาย’ อกหักหนัก-สะเทือนใจเยอะ อาจทำให้เสียชีวิตได้ วิจัยชี้ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากการอกหักมากกว่าผู้ชายถึง 9 เท่า

‘โรคหัวใจสลาย’ คือภาวะเจ็บหน้าอกกะทันหันร่วมกับหายใจลำบากคล้ายอาการของหัวใจขาดเลือด เกิดจากการเผชิญกับสถานการณ์เครียดจัดที่มักเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ เช่น การสูญเสียคนรัก หรือการแยกทาง และในบางรายอาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งทำให้หัวใจสูญเสียการทำงานชั่วคราวและเกิดขึ้นได้หลายนาทีหรือเป็นชั่วโมง

โดยโรคหัวใจสลายนั้นจะทำให้เกิดภาวะหัวใจวายที่หายาก และอาจจะส่งผลถึงชีวิต ข้อมูลจากการศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า ‘ผู้หญิง’ มีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากโรคหัวใจสลายมากกว่าผู้ชายถึง 9 เท่า โดยเฉพาะหลังวัยหมดประจำเดือน เพราะร่างกายขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจทนต่อฮอร์โมนความเครียดได้น้อยลง

อีกทั้งผู้ชายนั้นสามารถรับแรงกดดันและภาวะเครียดได้ดีกว่า เนื่องจากในเซลล์ร่างกายเพศชายมีตัวรับอะดรีนาลินมากกว่าเพศหญิง รวมไปถึงความแตกต่างของสรีรวิทยาระหว่างเพศทำให้พบว่าผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากอาการอกหักมากกว่าผู้ชายถึง 9 เท่า

ทั้งนี้ในประเทศในแถบเอเชียนั้นอัตราการเกิดภาวะดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิงในอัตราที่ไม่แตกต่างกันมาก แต่ทว่าความแตกต่างในเรื่องของวัฒนธรรมก็ทำให้พบว่าในประเทศตะวันตกนั้นผู้หญิงจะประสบกับภาวะนี้มากกว่าผู้ชาย และมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตมากกว่า ซึ่งความเป็นไปได้นี้เกิดขึ้นจากวัฒนธรรมที่ว่า ‘ผู้ชายจะไม่แสดงความรู้สึก’ จึงสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดผู้ชายจึงมีอัตราการเกิดภาวะนี้ต่ำกว่า

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าภาวะนี้เกี่ยวข้องกับ ‘ฮอร์โมนความเครียดที่พุ่งพล่านท่วมหัวใจ’ ทำให้หัวใจไม่สามารถทำงานตามปกติได้ อาการของโรคหัวใจสลายมีความคล้ายคลึงกับโรคหัวใจวายตั้งแต่การเจ็บหน้าอก ไปจนถึงการหายใจเร็ว ๆ ถี่ ๆ ทำให้ได้รับการวินิจฉัยผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวได้ในสองเดือน แต่ร้อยละ 20 ของผู้ที่เกิดภาวะดังกล่าวนั้นเสียชีวิต

อย่างไรก็ตามทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยโมนาร์ซ ในเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ได้ค้นพบวิธีป้องกัน และย้อนกลับความเสียหายที่เกิดขึ้นจาก ‘โรคหัวใจสลาย’ ได้แล้วโดยทดลองกับหนูที่ได้รับ SAHA หรือยารักษามะเร็งที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยพบว่าหนูที่ได้รับสารดังกล่าวนั้น ‘มีสุขภาพหัวใจที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก และย้อนกลับความเสียหายที่เกิดขึ้น’ แต่ยาชนิดดังกล่าวถูกอนุมัติให้ขายเป็นยารักษาโรคมะเร็งเท่านั้น แต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นสำหรับการพัฒนายาในอนาคต เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์แก่หัวใจและทำให้หัวใจมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น

ที่มา : dailymail

(Visited 25 times, 1 visits today)
error: Content is protected !!