น้ำตาคุณยายไหลมาไม่รู้ตัว โดน2เสือสาวใจบาป หลอกขอเข้าห้องน้ำ ขโมยเงินหมดตัว

สน.รอตรวจ โดย บิ๊กสลีป ว่าด้วยเรื่องแก๊งมิจฉาชีพที่ออกล่าเหยื่อวัยชรา และเป็นคุณยายวัย 85 ที่ถึงกับต้องเสียน้ำตา เพราะเงินทองที่เก็บหอมรอมริบมา ไม่เหลือเลย

ทุกวันนี้เศรษฐกิจมันฝืดเคืองและซบเซามาก คนเคยประหยัดก็ต้องประหยัดมากขึ้น คนเคยซื้อของเยอะๆก็ต้องซื้อน้อยลง บางคนต้องขุดเอาทรัพย์สมบัติติดตัวมาขายก็มี ยิ่งเป็นช่วงโควิดยิ่งแล้วใหญ่ จะใช้จ่ายอะไรต้องคิดหน้าคิดหลัง 40 ตลบ 

อย่าว่าแต่เงินหลักร้อยหลักพันเลย บางคนว่าขนาดหลักสิบบางทีก็ยังหาไม่ได้ หลายครอบครัวจำเป็นต้องเก็บหอมรอมริบและอดออมเอาไว้ใช้ แต่สิ่งที่ตามมาในสภาพแบบนี้คือพวกแก๊งมิจฉาชีพ หรือพวก18มงกุฎ กลับอาละวาดหนักข้อขึ้นมาตามไปด้วย แล้วเหยื่อที่พวกมันหมายตาไว้เป็นอันดับแรกๆก็คือ “คนแก่”

เฉกเช่นเดียวกับเรื่องราวของคุณยายผู้น่าเห็นใจที่ จ.บุรีรัมย์ โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นภายในบ้านเลขที่ 52 หมู่ 13 บ้านดงพัฒนา ต.ดงอีจาน อ.โนนสุวรรณ ในขณะที่ “นางน้อย กะทะแก้ว” คุณยายชราภาพวัย 85 ปี ที่กำลังนั่งหลังขดหลังแข็งแกะเนื้อมะขามเปรี้ยวสุก เพื่อเตรียมเอาไว้ขายเป็นมะขามเปียกสำหรับให้คนซื้อไปทำกับข้าว

น้ำตาคุณยายไหลมาไม่รู้ตัว ตกเป็นเหยื่อ2เสือสาวใจบาป
สน.รอตรวจ โดย บิ๊กสลีป ว่าด้วยเรื่องแก๊งมิจฉาชีพที่ออกล่าเหยื่อวัยชรา และเป็นคุณยายวัย 85 ที่ถึงกับต้องเสียน้ำตา เพราะเงินทองที่เก็บหอมรอมริบมา ไม่เหลือเลย
ศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 เวลา 12.00 น.

“ทุกเส้นทางล้วนมีอันตราย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผล..ที่คนเราจะไม่ออกเดินทาง” ฉะนั้นแล้ว แม้ว่าเส้นทางชีวิตข้างหน้าจะดูแล้วมีความเสี่ยง แต่ถ้าหากเรามั่นใจแล้ววางแผนให้ดี ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น

ทุกวันนี้เศรษฐกิจมันฝืดเคืองและซบเซามาก คนเคยประหยัดก็ต้องประหยัดมากขึ้น คนเคยซื้อของเยอะๆก็ต้องซื้อน้อยลง บางคนต้องขุดเอาทรัพย์สมบัติติดตัวมาขายก็มี ยิ่งเป็นช่วงโควิดยิ่งแล้วใหญ่ จะใช้จ่ายอะไรต้องคิดหน้าคิดหลัง 40 ตลบ 

อย่าว่าแต่เงินหลักร้อยหลักพันเลย บางคนว่าขนาดหลักสิบบางทีก็ยังหาไม่ได้ หลายครอบครัวจำเป็นต้องเก็บหอมรอมริบและอดออมเอาไว้ใช้ แต่สิ่งที่ตามมาในสภาพแบบนี้คือพวกแก๊งมิจฉาชีพ หรือพวก18มงกุฎ กลับอาละวาดหนักข้อขึ้นมาตามไปด้วย แล้วเหยื่อที่พวกมันหมายตาไว้เป็นอันดับแรกๆก็คือ “คนแก่”

เฉกเช่นเดียวกับเรื่องราวของคุณยายผู้น่าเห็นใจที่ จ.บุรีรัมย์ โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นภายในบ้านเลขที่ 52 หมู่ 13 บ้านดงพัฒนา ต.ดงอีจาน อ.โนนสุวรรณ ในขณะที่ “นางน้อย กะทะแก้ว” คุณยายชราภาพวัย 85 ปี ที่กำลังนั่งหลังขดหลังแข็งแกะเนื้อมะขามเปรี้ยวสุก เพื่อเตรียมเอาไว้ขายเป็นมะขามเปียกสำหรับให้คนซื้อไปทำกับข้าว

ตอนนั้นเป็นช่วงกลางวันแสกๆ “ยายน้อย” จึงนั่งแกะเนื้อมะขามอยู่เพียงลำพังอยู่แถวๆหน้าบ้าน เพราะลูกหลานคนอื่นๆก็ออกไปทำงานทำมาหากินกันหมด จังหวะนั้นเองเป็นโอกาสให้ “2 สาวแสบ” ขี่และซ้อน จยย.ผ่านมาจอดที่หน้าบ้าน ดูจากอายุอานามของทั้งคู่แล้วก็น่าจะอยู่ที่ระหว่าง 40 – 50 ปี 

“ยายน้อย” ไม่รู้ตัวเลยว่า ภัยสังคมตัวอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาหาแล้ว เนื่องจากทั้งสองสาวมีลักษณะท่าทางไม่เป็นพิษเป็นภัย จากนั้นพอทั้งคู่เดินมาถึงตัวก็เอ่ยถาม “ยายน้อย” ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเป็นมิตร “คุณยายๆ ขายเนื้อมะขามกิโลละกี่บาท”

เมื่อได้ยินดังนั้น “ยายน้อย” ก็มั่นใจแล้วว่าทั้งคู่น่าจะเป็นลูกค้าที่มาหาซื้อเนื้อมะขาม เลยตอบกลับไปว่า “ยายขายกิโลกรัมละ 60 บาทจ้ะ” แทนที่สองสาวจะยั้งคิดสักนิดกลับพูดมาทันทีเลยว่า “ถ้างั้นพวกหนูขอเหมาหมดเลย และจะให้กิโลละ 70 บาทด้วย”

จู่ๆเนื้อมะขามจะถูกเหมาหมด แถมยังได้กำไรเพิ่มอีกโลละ 10 บาทด้วย มีหรือที่ “ยายน้อย” จะไม่ดีใจ ยังเผลอคิดเลยว่าวันนี้โชคดีจังเลย ทำให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันถูกคอ กระทั่งไม่นานนัก 1 ใน 2 สาว ได้ทำทีขอเข้าห้องน้ำเพราะปวดท้อง “ยายน้อย” จึงชี้มือแล้วบอกให้ไปเข้าห้องน้ำที่อยู่นอกบ้าน

สาวแสบรู้สึกผิดแผนจึงเปลี่ยนแผนใหม่ ด้วยการอ้างว่ากลัวผี แล้วตอนนี้ก็อั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้ว ขอเข้าห้องน้ำที่อยู่ในบ้านแทนได้หรือไม่ พร้อมกับเร่งเร้าจี้ให้คุณยายช่วยเหลือ “ยายน้อย” ก็ไม่รู้ทำไงจึงยอมควักลูกกุญแจออกมาไขประตูบ้านเพื่อให้สาวแสบเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ

ผ่านไปสักพัก “ยายน้อย” ก็เริ่มรู้สึกเอะใจเพราะเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ แต่ก็ลุกไปดูไม่ได้ เนื่องจากสาวแสบอีกคนนั่งประกบชิดติดอยู่ ทั้งยังชวนพูดชวนคุยไม่หยุด อึดใจต่อมาสาวแสบที่เข้าห้องน้ำก็เดินออกมาจากบ้าน พร้อมกับล้วงหยิบเงินมาจ่ายเป็นค่ามัดจำเนื้อมะขาม เป็นเงิน 300 บาท แล้วบอกว่าเดี๋ยวพอเสร็จจะกลับมาจ่ายเงินให้ครบ ก่อนที่ทั้งคู่จะส่งสายตาให้กันแล้วรีบขึ้น จยย.บิดหายไป

พอทุกอย่างสงบนิ่งไป “ยายน้อย” ก็รีบเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน แล้วสิ่งที่ระแวงก็เกิดขึ้นจริงๆ ข้าวของโดนรื้อค้นเต็มไปหมด แล้วอย่างที่คิดไว้ ทรัพย์สินของมีค่าอันตรธานหายไปแล้วจริงๆ ประกอบด้วย สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท จี้ทองหนัก 50 สตางค์ และเงินสดอีก 15,700 บาท เหลือไว้แค่กระเป๋าเปล่าๆให้ดูต่างหน้า

“ยายน้อย” ถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เงินทองทั้งหมดอุตส่าห์อดออมมาตั้งนาน นั่งปวดหลังหลังปวดกระดูกแกะเนื้อมะขามทุกวันๆ ไม่คิดเลยว่าสองสาวแปลกหน้าที่ดูไม่มีพิษมีภัยนี้จะใจร้ายใจดำทำกับคนแก่ได้ ทั้งเสียใจ ทั้งเสียดาย ทั้งเจ็บใจ ทั้งน้อยใจ….แล้วน้ำตามันก็ค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาของคุณยายอย่างไม่รู้ตัว

ที่มาเดลินิวส์

(Visited 1 times, 1 visits today)
error: Content is protected !!