เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.สรวิศ เสมอใจ รองผู้กำกับการ 2 สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 (ตำรวจไซเบอร์) นำหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานีที่ จ.72/2564 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2564 เข้าจับกุมนายอนุกูล ต่างท้วม อายุ 39 ปี แจ้งข้อหา รีดเอาทรัพย์
โดยให้การรับสารภาพ นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องส่ง พ.ต.ท.สรรเพชญ นามจันดา สารวัตรสอบสวน สภ.นาตาล อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี พร้อมคัดค้านการประกันตัว
สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.สรวิศ เสมอใจ รองผู้กำกับการ 2 สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 (ตำรวจไซเบอร์) รับแจ้งจากนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 47 ปีมารดาของนางสาวบี(นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอุบลราชธานี ว่าถูกนายอนุกูล ข่มขู่กรรโชกทรัพย์และรีดเอาทรัพย์
จากการตรวจสอบเบื้องต้นนางสาวบี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้ไลฟ์สดในแอปพลิเคชั่นดังแอปหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นได้ใส่ชุดนอนบางๆ ต่อมามีนายอนุกูล ผู้ต้องหาซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของรีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้บันทึกหน้าจอไว้ แล้วได้ส่งข้อความทางไลน์ ส่วนตัวของผู้เสียหาย ข่มขู่ว่าหากไม่อยากให้ส่งภาพนี้ให้ผู้เสียหาย ต้องถอดเสื้อผ้าพร้อมกับโชว์อวัยวะเพศ ด้วยความกลัวจึงยอมถอดเสื้อผ้าตามที่ผู้ต้องหาข่มขู่ และผู้ต้องหาก็ถอดเสื้อผ้าโชว์อวัยวะเพศแล้วสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองโชว์กลับมาด้วย
ต่อมาก็โดนข่มขู่ให้ทำลักษณะนี้อีกหลายครั้ง ล่าสุดข่มขู่ว่าจะเดินทางจาก จ.ราชบุรี มาหาที่อุบลราชธานี และจะมาร่วมเพศด้วย หากไม่ยินยอม ก็จะนำคลิปไปโพสต์ประจาน ซึ่งผู้เสียหายได้ขอร้องไม่ให้นำออกมาประจาน และขอร้องว่าจะให้ทำอย่างไรจึงจะลบคลิปทิ้ง
ผู้ต้องหาก็บอกว่าถ้าจะแลกกับอิสรภาพต้องจ่ายเงิน 20,000 บาท ด้วยความกลัว น.ส.เอ จึงโอนเงินไปให้ก่อน 1,000 บาท โดยโอนเงินจากธนาคารกรุงไทยให้ชื่อนายอนุกูล ต่างท้วม ผ่านธนาคารกสิกรไทย เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา
ด้าน พ.ต.ท.สรวิศ เสมอใจ รองผู้กำกับการ 2 สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 (ตำรวจไซเบอร์) กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากแม่ของผู้เสียหาย ทางพนักงานสอบสวนทำการสืบสวนจนสามารถขออนุมัตออกหมายจับ จึงนำหมายจับไปจับกุมเบื้องต้นแจ้งข้อหารีดเอาทรัพย์
ทั้งนี้อยาก ฝากเตือนน้องๆทุกคนที่เล่นโซเชียลมีเดียต่างๆ ก็ฝากว่ากรณีที่เล่นกับคนแปลกหน้าหรือคนไม่รู้จัก มีการล่อหลอกล่อต่างๆนานา ก็อย่าไปหลงเชื่อเพราะว่า คนพวกนี้เข้ามาก็หวังผลประโยชน์ บางคนก็หลงเชื่อมาเยอะ เคยเกิดขึ้นให้เห็นมาแล้วหลากหลายเคส
ขอบคุณที่มา sanook
