พบ7ชีวิต ติดโควิดเกือบยกครัว เช่าห้องเล็กๆอยู่รวมกัน ผู้ใหญ่ป่วยแล้ว เด็กน้อย อายุ 6 ขวบ 4 ขวบ และ 3 เดือนรอลุ้นผล

พบ7ชีวิต ติดโควิดเกือบยกครัว เช่าห้องเล็กๆอยู่รวมกัน ผู้ใหญ่ป่วยแล้ว 3เด็กน้อยรอลุ้นผล เพื่อไทยรุดช่วย จี้รัฐบาล รับมือโควิดระบาดตามห้องเช่า

วันที่ 29 เม.ย.2564 น.ส.ทัดดาว ตั้งตรงเจริญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ราชเทวี พรรคเพื่อไทย ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ มีครอบครัวใหญ่ สมาชิก 7 คนพักห้องเช่าที่เพชรบุรี ซ.7 เขตราชเทวี ซึ่งผู้ป่วยชายได้แจ้งขอความช่วยเหลือเข้ามา โดยเล่าว่า ครอบครัวตนเองเช่าห้องเช่าอยู่รวมกัน 1 ห้อง 7 คน โดยมีคุณตาอายุ 60 กว่าปี คุณยายอายุ 60 ปี สามีอายุ 40 ปี ภรรยาอายุ 34 ปี และลูกอีกรวม 3 คน

โดยผู้ที่ติดเชื้อรายแรกคือคุณตาป่วยเป็นมะเร็ง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจึงมีการตรวจเลือดและตรวจโควิดจึงพบว่าติดเชื้อตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา จึงถูกพาตัวไปรักษาในโรงพยาบาลแล้ว หลังจากนั้นคุณยายและภรรยา จึงไปตรวจเชื้อโควิดตามสิทธิประกันสังคมที่รพ.หัวเฉียว เมื่อวันที่ 26 เม.ย. และพบว่าติดเชื้อโควิดส่วนสามีไปตรวจใช้สิทธิโครงการหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า 30 บาทรักษาทุกโรคตรวจพบเชื้อวันที่ 28 เม.ย.

ผู้ป่วย เล่าต่อว่า มีความกังวลใจมากเนื่องจากว่าพวกตนยากจน หาเช้ากินค่ำ อาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ เมื่อผู้ใหญ่ คือพ่อตา แม่ยาย ภรรยาและตนเองติดเชื้อแล้ว โอกาสที่ลูกเล็กอายุ 6 ขวบ 4 ขวบ และ 3 เดือน จึงมีความเสี่ยงสูงมีโอกาสติดเชื้อด้วย ขณะนี้ผู้ใหญ่ทั้ง 3 คนเริ่มไอ เจ็บหน้าอก มีไข้ มีเสมหะ กินอะไรไม่ได้ มีอาการเวียนหัวบางเวลามาหลายวันแล้ว

ส่วนโรงพยาบาลที่ตรวจพบเชื้อก็แจ้งว่าให้ครอบครัวของตนอยู่อาศัยอยู่ในแต่ห้อง อย่าออกไปไหน ให้กักตัว 14 วัน ซึ่งตนเองก็ถามไปว่าผู้ใหญ่พอเข้าใจและกักตัวตามมาตรการรัฐได้ แต่สำหรับเด็กทั้ง 3 คนที่อายุยังน้อย จะป้องกันเขาได้อย่างไรทั้งที่มีความจำเป็นต้องอยู่บ้านเดียวกัน เพราะอยู่กินนอนด้วยกันในห้องเช่าเล็กๆ มีความเสี่ยงสูง

ด้าน น.ส.ทัดดาว กล่าวภายหลังการไปเยี่ยมพร้อมมอบอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของใช้จำเป็นเบื้องต้นให้แก่ ครอบครัวผู้ป่วยนี้ว่า เคสนี้น่ากังวลมากเพราะเป็นการติดเชื้อทั้งครอบครัว และเริ่มแสดงอาการเจ็บป่วยคล้ายคลึงกัน และครอบครัวนี้มีเช่าบ้านอาศัยอยู่รวมกันในกรุงเทพฯ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีโอกาสติดเชื้อกันไปมา

นอกจากนี้ชุมชนเพชรบุรีตัดใหม่ละแวกนี้ ล้วนแต่เป็นชุมชนที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ตนเองจะรีบประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัญหาที่ยังคิดไม่ออกคือถ้ารัฐรับผู้ป่วยผู้ใหญ่นี้ไปรักษาพยาบาลตามขั้นตอนแล้ว ในระหว่างที่กักตัวอยู่ 14 วัน ใครจะเป็นผู้รับภาระดูแลเด็กน้อยทั้ง 3 คนโดยเฉพาะเด็กน้อยวัย 3 เดือน หรือถ้าเด็กทั้ง 3 คนติดเชื้อเหมือนผู้ใหญ่แล้ว จะต้องไปอยู่กักตัวกันอย่างไร

ซึ่งล่าสุดขณะนี้เด็ก 3 คนเดินทางไปตรวจเชื้อที่โรงพยาบาลแล้ว แต่จะทราบผลตรวจในวันที่ 30 เม.ย. ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลคิดมาตรการรับมือระบาดรุนแรงตามหอพัก ชุมชน รวมถึงวิธีการติดต่อประสานงานส่งต่อผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้

ที่มาข่าวสด

(Visited 57 times, 1 visits today)
error: Content is protected !!