รวบ ด.ต.หลอนยา ชัก 9 มม.รัวยิงญาติดับ อ้างยิงไล่-เห็นคนเป็นผี

ด.ต.หลอนยา เห็นคนเป็นผี ชัก 9 มม. กระหน่ำ 3 นัด ดับญาติตัวเอง หนีกอดปืนซุกบ้านน้า ไม่รอดถูกล้อมจับ หิ้วขึ้นโรงพักรอส่างฤทธิ์ยา จับตรวจฉี่-แจ้งข้อหา ผบช.ภ.9 สั่งฟันทุกฐานความผิด

เมื่อวันที่ 7 เม.ย.64 พ.ต.อ.สมชาย นพศรี ผกก.สภ.คลองแงะ รับรายงานเหตุยิงกันเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 2 ถนนกาญจนวานิช ต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา หลังรับแจ้งจึงได้รายงานให้ พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้กำกับสืบสวนภูธรภาค 9 พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.ธนวัฒ เส้งสุย ผู้กำกับสืบสวนจังหวัดสงขลา พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรภาค 9 รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ 

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าบ้าน พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อ นายธียุทธ เกตุสุริยงต์ อายุ 39 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนกล็อก ขนาด 9 มม. เข้าที่ศีรษะและลำตัว จำนวน 3 นัด ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ ด.ต.อิศรา เกศสุริยงค์ อายุ 38 ปี เป็นตำรวจ สภ.สะเดา ตำแหน่ง ผบก.หมู่งานป้องกันปราบปราม ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผู้ตาย โดยหลังก่อเหตุ ด.ต.อิศรา ได้หลบหนีเข้าไปซ่อนตัวในบ้านเลขที่ 11/3 ซึ่งเป็นบ้านน้าตัวเอง  อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเข้าไปในซอยประมาณ 100 เมตร พร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ

จากการสอบถาม นางวันเพ็ญ เกตุสุริยงค์ อายุ 66 ปี มารดา ด.ต.อิศรา เล่าว่า ด.ต.อิศรา มีอาการประสาทหลอน เนื่องจากเสพยาเสพติดมานาน ที่ผ่านมาได้พาไปรักษาที่ รพ.สงขลานครินทร์ หมดเงินไปหลายแสนบาท ตอนหลังอาการดีขึ้นก็กลับมาทำงาน และย้ายไปหลายที่ ล่าสุดถูกย้ายมาที่ สภ.สะเดา ส่วนสาเหตุนั้น ด.ต.อิศรา อ้างว่าเป็นการยิงไล่ผี เนื่องจากหลอนยาเห็นคนกลายเป็นผี 

ด้าน พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ด.ต.อิศรา มีอาการคลุ้มคลั่งเนื่องจากได้เสพยาเสพติดเข้าไป จนเกิดอาการหลอนทางประสาท จากนั้นผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธปืน 9 มม. ยี่ห้อกล็อก ยิงผู้เสียชีวิตซึ่งไม่ทราบสาเหตุและแรงจูงใจ  หลังก่อเหตุได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องนอนบ้านญาติ ก่อนเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษจะเข้าควบคุมตัว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาขณะนอนกอดอาวุธปืนอยู่ พร้อมกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 2 แม็ก ทั้งหมด 24 นัด เบื้องต้นจะทำการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด โดยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ให้ดำเนินคดีทุกฐานความผิดที่ตรวจพบเจอ ซึ่งผู้ต้องหาเป็นตำรวจและกำลังถูกลงโทษทางวินัย จากสาเหตุไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย

เบื้องต้น ผู้ต้องหายังให้การไม่ได้ เนื่องจากอยู่ในอาการเบลอ ซึ่งจะรอให้คลายจากอาการเมายาก่อน จึงตรวจหาสารเสพติด พร้อมตั้งข้อหาต่อไปในวันพรุ่งนี้ (8 เม.ย.)

ที่มาไทยรัฐ

(Visited 122 times, 1 visits today)
error: Content is protected !!