จากกรณี 2 ตายายร้องสื่อ หลังจากโดนยึดที่ดินขายทอดตลาด เพราะลูกชายกู้เงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แล้วไม่ใช้หนี้ จากนั้นได้มาขอโฉนดที่ดินไปจำนองกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เงินมาแต่กลับไม่นำเงินไปใช้หนี้ กยศ.อีก สุดท้ายถูกศาลสั่งบังคับคดีให้ขายที่ดินพร้อมบ้าน จนมีผู้ซื้อไปแล้วขึ้นป้ายประกาศขายต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย. เจ้าหน้าที่จากสำนักงานยุติธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ได้เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมพูดคุยในกรณีดังกล่าว โดยพบว่า คดีนั้นได้สิ้นสุดไปตามกระบวนการแล้ว ตั้งแต่ กยศ. ศาล สำนักงานบังคับคดี ซึ่งได้ประกาศขายทอดตลาดไปแล้ว จนกระทั่งมีผู้มาซื้อที่ดินดังกล่าวไปแล้วด้วย เพราะมีการทำสัญญาซื้อขาย พร้อมวางมัดจำเรียบร้อยแล้ว ถือว่ากระบวนการทางกฎหมายถือเป็นที่สิ้นสุด สิ่งที่ทำได้คือทางเจ้าของบ้านเดิมจะต้องนำเงินไปจ่ายให้ครบตามจำนวนที่ตกลงซื้อขายกันไว้ ส่วนจะลดราคาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างทั้งสองฝ่าย
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_1024,h_576/http://www.toppicnews.com/wp-content/uploads/2021/03/Dtbezn3nNUxytg04aczJFcPJGRqnfO48bFrMTbxRI7QEu0-1024x576.jpg)
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_696,h_522/https://www.toppicnews.com/wp-content/uploads/2021/04/ตายาย-กยศ-5-696x522-1.jpeg)
ขณะที่ นายเชิด นุ่มวงษ์อายุ 88 ปี และนางทองคำ นุ่มวงษ์ อายุ 84 ปี ชาว ต.วังไทร อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร กล่าวว่า ไม่รู้ว่าจะไปหาเงินที่ไหนมาซื้อที่ดินและบ้านคืนมา ติดต่อลูกชายก็ไม่ได้ หายไปเลย ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร เราสองคนแก่มากแล้ว แถมมีโรคประจำตัวทั้งสองคน ลูกที่อยู่ด้วยกันก็มีอาชีพรับจ้างทำไร่ทำนา ก็ไม่มีเงินเช่นเดียวกัน
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_1024,h_575/http://www.toppicnews.com/wp-content/uploads/2021/03/Dtbezn3nNUxytg04aczJFcPJGRqnfO487DSnzPVE6KwTRI-1024x575.jpg)
นางทองคำ กล่าวว่า หากบ้านและที่ดินถูกยึดไปคงไม่มีที่ไปแล้ว เพราะแก่แล้ว ขอตายอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะบ้านหลังนี้เป็นเรือนหอของปู่ในช่วงแต่งงานกับย่า ต่อมาปู่ได้ยกให้นายเชิด พร้อมสั่งว่าให้อยู่ไปตลอด ห้ามขายเด็ดขาด แต่มาถูกลูกชายนำไปจำนองทั้งกับ ธกส.เป็นเงินประมาณ 4 แสนบาท หลังจากได้เงินมาแล้วก็ไม่เคยนำเงินไปชำระหนี้ทั้งของ กยศ. จำนวน 130,000 บาท จนถูกฟ้องและถูกบังคับคดี ขายที่ดินและบ้านดังกล่าวไปในราคา 402,000 บาท
นางทองคำกล่าวว่า จนมีผู้ซื้อไปแล้วในราคา 800,000 บาท ซึ่งลูกชายได้ติดต่อขอซื้อบ้านพร้อมที่ดินคืน และได้มาทำสัญญาซื้อขายกันที่บ้านหลังนี้ พร้อมทั้งจ่ายเงินมัดจำไปจำนวน 20,000 บาท หลังจากนั้นลูกชายก็หายออกไปจากบ้าน โดยไม่มีการติดต่อกลับมาอีก จนผู้ที่ซื้อกลับมาสอบถามหลายครั้งว่าจะชำระเงินส่วนที่เหลือได้เมื่อไหร่ ซึ่งทางบ้านก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะไม่มีเงิน และลูกชายก็หายไป
นางทองคำกล่าวอีกว่า ต่อมาผู้ที่ซื้อที่ดินและบ้านไปได้นำป้ายประกาศขายที่ดินพร้อมบ้านของตน ทำให้ตนและครอบครัวเดือดร้อนมาก ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปซื้อบ้านและที่ดินกลับมา ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้เก่าทรงไทยหลังใหญ่สวยงาม ภายในสวนปลูกไม้ผลไว้หลากหลายชนิด ทำให้ตนและครอบครัวเสียดายมาก
“ถ้าถูกขายไปจริงๆ ขอตายที่นี่ ไม่ย้ายไปไหนเด็ดขาด วอนผู้ใจบุญที่สามารถช่วยเหลือไถ่ถอนบ้านและที่ดินหลังนี้คืนมาให้ด้วย สามารถบริจาคช่วยเหลือตากับยายได้ที่ธนาคาร ธกส. สาขาคลองขลุง ชื่อบัญชี นายเชิด นุ่มวงษ์ หมายเลขบัญชี 020103358247” นางทองคำกล่าว
ทั้งนี้ ตากับยายพูดด้วยน้ำตาว่า หากผู้ใจบุญช่วยเหลือมา จะเก็บเงินไว้อย่างดี จะไม่ให้ลูกชายคนที่ก่อเรื่องแม้แต่บาทเดียว เพราะสร้างปัญหาให้ครอบครัวได้เสียใจมามากมายแล้ว ส่วนถ้าลูกชายอ่านอยู่ก็ให้กลับมาแก้ไขปัญหาด้วย